การวัดสัญญาณชีพ ทักษะพื้นฐานเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้ ด้วยตัวเอง
สัญญาณชีพ (Vital signs) คือ ค่าความดันโลหิต (Blood pressure) อุณหภูมิ (Temperature) ชีพจร (Pulse) และการหายใจ (Respiration) ใช้ตัวย่อคำว่า T,P,R และ BP สัญญาณชีพเป็นสิ่งบ่งชี้การทำงานของระบบในร่างกาย ถ้าเปลี่ยนแปลงไปแสดงถึงภาวะสุขภาพมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะประเมิณสุขภาพ
สัญญาณชีพพูดเป็นที่เข้าใจง่ายๆ คือ อาการสำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่บ่งบอกถึงความปกตอ หรือ ผิดปกติ ของร่างกาย ประกอบด้วย 4 อาการ ที่จะแสดงให้แพทย์ สามารถตรวจพบได้ คือ
- ความดันโลหิต (Blood pressure ย่อว่า BP)
- อุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature ย่อว่า T)
- ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Pulse หรือ Pulse rate ย่อว่า P)
- อัตราการหายใจ (Respiratory rate ย่อว่า RR หรือ R)
ความดันโลหิต (Blood pressure ย่อว่า BP)
![](https://asgwellness.com/wp-content/uploads/2020/08/image.png)
ความดันโลหิต
หมายถึง แรงของกระแสเลือดที่กระทบต่อผนังหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการสูบฉีดของหัวใจ ถ้าพูดให้เข้าใจและเห็นภาพมากยิ่งขึ้น (ก็จะคล้ายแรงลมที่ดันผนังของยางรถ เมื่อเราสูบลมเข้า) สามารถวัดได้โดยการใช้เครื่องวัดความดัน (Sphygmomanometer) วัดที่แขน และมีค่าที่วัดได้ 2 ค่า คือ
- ค่าความดันช่วงบน หรือ ความดันซิสโตลี (Systolic blood pressure) แรงดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัว ซึ่งอาจจะสูงตามอายุ แต่ความดันช่วงบนของคนช่วงอายุเท่ากันอาจจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไป ตามท่าเคลื่อนไหวของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และปริมาณของการออกกำลังกาย
- ค่าความดันช่วงล่าง หรือ ความดันไดแอสโตลี (Diastolic blood pressure) หมายถึง แรงดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว มาดูค่าความดันโลหิตปกติ และระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง กันเถอะค่ะ
ประเภท ความดันช่วงบน (มม.ปรอท) ความดันช่วงล่าง (มม.ปรอท)
ความดันปกติ < 120 และ < 80
ความดันโลหิตปกติที่ค่อนไปทางสูง 120-129 และ < 80
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 130-139 และ/หรือ 80-89
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 2 ≥ 140 และ/หรือ ≥ 90
ความดันช่วงบนสูงเดี่ยว ≥ 140 และ < 90
อุณหภูมิ (Body Temperature ย่อว่า T)
ตำแหน่งที่ทำการวัดอุณหภูมิ การวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยปกติแล้วจะมี 4 ตำแหน่งหลัก ๆ ซึ่งก็คือ หู ทวารหนัก ใต้ลิ้น และรักแร้ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งนั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และถ้าหากไม่ทราบว่าตำแหน่งไหนควรอยู่ในระดับเท่าไหร่ ก็อาจเกิดการเข้าใจผิดได้ ซึ่งถ้าหากวัดไข้แล้วได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้อาจต้องรักษาตัวเนื่องจากเป็นไข้
- ปาก อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 37.8 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
- รักแร้ อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 37.2 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
- หูและทวารหนัก อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
- หน้าผาก อุณหภูมิเมื่อเป็นไข้จะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า
ปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิของร่างกาย
เพศ โดยปกติแล้วเมื่อร่างกายได้รับความเย็น กลไกของร่างกายจะทำหน้าเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ซึ่งเพศก็มีผลต่อกระบวนการนี้ โดยร่างกายเพศหญิงจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้รวดเร็วกว่าเพศชาย จึงอาจทำให้เกิดอาการสั่น หรือเนื้อตัวเย็นได้ไวกว่าเพศชาย นอกจากนี้ ในช่วงที่ผู้หญิงมีรอบเดือนจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาหลายชนิด ซึ่งอาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
อายุ อายุเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิร่างกายปกติ โดยคนในแต่ละช่วงอายุอาจมีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เด็กและทารก อุณหภูมิร่างกายปกติจะอยู่ระหว่าง 36.6-37.2 องศาเซลเซียส
- ผู้ใหญ่ มีอุณหภูมิปกติของร่างกายอยู่ระหว่าง 36.1-37.2 องศาเซลเซียส
- ผู้สูงอายุ ที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป จะมีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า 36.2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าคนวัยอื่น ๆ
แต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิร่างกายก็เปลี่ยนไปตามปัจจัยอื่นๆ ระดับอุณหภูมิยังสามารถเปลี่ยนไปตาม อาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย หรือสิ่งที่ร่างกายได้รับ
บุหรี่ การสูบบุหรี่นั้นสามารถเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายได้ ซึ่งอาจมีผลมาจากควันบุหรี่และการเผาไหม้ของของบุหรี่ที่กระทบต่ออุณหภูมิของร่างกายได้ชั่วคราว แม้ว่าอุณหภูมิจากบุหรี่จะไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่การได้รับสารในบุหรี่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
อาหาร อาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อย่างพริก พริกไทย ขิง ข่า เครื่องเทศ หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์ร้อนก็อาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายนั้นสูงขึ้น หลังจากการรับประทาน
ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Pulse หรือ Pulse rate ย่อว่า P) การวัดสัญญาณชีพ ทักษะพื้นฐานเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้
ปกติแล้วคนทั่วไปชีพจรจะเต้น 60-100 ครั้งต่อนาที แต่รู้หรือไม่ว่าคนที่มีสุขภาพดีชีพจรจะเต้นต่ำกว่า 90 ครั้งต่อนาที เพราะการที่หัวใจเต้นเป็นปกติดีแสดงถึงความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดต่าง ๆ แล้วถ้าชีพจรเต้นเร็วผิดปกติล่ะ จะมีอันตรายต่อชีวิตหรือไม่
วิธีการ วัดชีพจร
ไม่ว่าจะเป็นเดิน วิ่ง ขึ้นบันได ยกของหนัก หรือการทำงานหนักที่หัวใจเต้นเร็วแรงขึ้น ดังนั้น ควรวัดชีพจรตอนที่นั่งพักเฉย ๆ มาสักระยะแล้วอย่างน้อย 5-10 นาที รวมถึงการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอย่างชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หากดื่มมาแล้วควรเว้นระยะก่อนวัดชีพจร 1 ชั่วโมงขึ้นไป
วิธีการวัดชีพจรง่าย ๆ ทำได้โดยการวางนิ้วชี้และนิ้วกลางลงบนข้อมือ กดลงไปเบา ๆ จะรับรู้ได้ถึงสัญญาณชีพที่เต้นตุ้บ ๆ อยู่ ให้จับเวลา 30 วินาทีแล้วนับว่าหัวใจเต้นไปกี่ครั้ง จากนั้นนำตัวเลขที่วัดได้มาคูณสอง (x2) ผลลัพธ์ที่ออกมาคือจำนวนการเต้นหัวใจภายใน 1 นาที และเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ทำซ้ำอย่างน้อย 2-3 ครั้งแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย
เคล็ดลับการวัดชีพจรให้ได้ผลดี : ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการวัดชีพจรคือตอนเช้าหลังจากการตื่นนอน แต่หากว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ สามารถตรวจชีพจรอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์โดยวัดชีพจรในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป เช่น หลังตื่นนอนตอนเช้า กลาง เย็น และก่อนนอน จากนั้นนำมาค่าหาเฉลี่ยจะได้ค่าชีพจรที่ถูกต้อง
ชีพจรเต้นเร็วไปจะแก้อย่างไรดี
ถ้าชีพจรเต้นเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที วิธีการเบื้องต้นที่สามารถช่วยได้ผลเป็นอย่างดีคือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยครั้งละอย่างน้อย 30 นาที และอย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนเพลีย ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอถ้าชีพจรเต้นเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที วิธีการเบื้องต้นที่สามารถช่วยได้ผลเป็นอย่างดีคือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยครั้งละอย่างน้อย 30 นาที และอย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนเพลีย ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่าลืมว่าการวัดชีพจรเป็นเพียงการตรวจด้วยตนเองแบบง่าย ๆ เท่านั้น ปัจจัยที่จะให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดยังมีอีกหลายสาเหตุ ถ้าชีพจรเต้นเร็วทุกครั้งที่ทำการตรวจ ร่วมกับอาการเหนื่อยหอบ เจ็บหรือแน่นหน้าอกเมื่อต้องออกแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียด
อัตราการหายใจ (การนับการหายใจ) การวัดสัญญาณชีพ ทักษะพื้นฐานเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้
ความถี่ปกติของการหายใจขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ดังนี้
1. ทารกแรกคลอดจะหายใจเฉลี่ย 44 ครั้งต่อนาที
2. เด็กทารกจะหายใจ 20-40 ครั้งต่อนาที
3. เด็กก่อนวัยเรียนประมาณ: 20–30ครั้งต่อนาที
4. เด็กวัยรุ่น16–25 ครั้งต่อนาที
5. ผู้ใหญ่ 12–20 ต่อนาที
6. ผู้ใหญ่ขณะออกกำลังกาย 35–45 ครั้งต่อนาที
ทุกอย่างในร่างกาย เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และความแข็งเเรงของร่างกาย อยากมีสัญญาณชีพที่ดี ไม่เสี่ยงต่อโรคภัย เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกออกกำลังกำลังกายที่เหมาะกับความแข็งแรงของร่างกาย
จำหน่าย เครื่องทดสอบสมรรถภาพหัวใจ เครื่องมือวิเคราะห์ และวินิจฉัยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ทีมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยตรวจเช็ค วิเคราะห์ เก็บข้อมูล เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ หาแนวทางการรักษาที่ถูกวิธี และเหมาะสม พร้อมช่วยลดความเสี่ยงได้
ไม่เพียงเเต่การตรวจวัดสัญญาณชีพจรด้วยตัวเอง ควรตรวจสุขภาพประจำปีด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย
![](https://asgwellness.com/wp-content/uploads/2020/08/ddbb9b7a9923505d4a0d601f1b84d8735cfdd67.jpg)
เครื่องชั่งน้ำหนักวัดเปอร์เซนต์ไขมัน ด้วยเทคโนโลยี BIA ได้ผ่านกระบวนการศึกษาและวิจัย จากผู้เชี่ยวชาญมามากว่า 20 ปี เพื่อการหาความสัมพันธ์ของอายุ เพศ น้ำหนัก และส่วนสูง ผ่านค่าความต้านทานกระแสไฟฟ้า ที่ไหลผ่านร่างกายโดยไม่เป็นอันตราย และแสดงผลวิเคราะห์ที่เที่ยงตรง และแม่นยำ อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ 30 วินาที